รีวิวโปเกมอนมิสทรี Explorers of Time & Darkness ปี 2007

รีวิวโปเกมอนมิสทรี Explorers

รีวิวโปเกมอนมิสทรี Explorers เกมที่ต้องเผชิญทางแยกระหว่างความคุ้นเคย และการขยับตัวตามยุคของเครื่องเล่นเกม และเป็นเกมที่กลายเป็นจุดที่ผู้พัฒนา ต้องตัดสินใจว่าจะคงสูตรเดิมไว้มากน้อยเพียงใด และควรใส่น้ำหนักแค่ไหน ให้ธีมใหญ่ขึ้น กว่า รีวิวโปเกมอน มิสทรี 2005 จากบทความก่อนหน้า

  • ต้นกำเนิดของเกม และเรื่องราวที่นำเสนอ
  • ระบบการเล่นเกม และกระแสตอบรับ

รีวิวโปเกมอนมิสทรี Explorers จุดกำเนิด และการเล่าเรื่อง

รีวิวโปเกมอนมิสทรี Explorers

รีวิวโปเกมอนมิสทรี Explorers หรือที่เรียกว่าภาคนักสำรวจแห่งกาลเวลา จากแฟรนไชส์เกมโปเกมอน ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมา เพียงเพื่อสานต่อสูตรการเล่นเดิม ๆ ของเกมในซีรีส์ แต่เพื่อขยับขยายโลกที่เคยมีอยู่ให้ลึกขึ้น ในโครงสร้างและอารมณ์ (10 พฤศจิกายน 2025) [1]

การเปลี่ยนผ่านจากยุค Game Boy Advance มาสู่เครื่องเล่น DS ทำให้ทีมงานต้องคิดใหม่ ทั้งระบบการสำรวจ การเล่าเรื่อง และความสัมพันธ์ของผู้เล่นกับโลกที่ตนก้าวเข้าไป ซึ่งทั้งหมดนี้ นำไปสู่คำถามสำคัญ 2 ประการ คือเกมถูกสร้างขึ้นจากบริบทแบบไหน และเรื่องราวที่ภาคนี้อยากสื่อจริง ๆ คืออะไร

การพัฒนาของเกมโปเกมอน ภาคมิสทรีเอกซ์พลอเรอส์

พัฒนาการของเกม Pokemon เอกซ์พลอเรอส์ เกิดขึ้นในช่วงที่ Nintendo DS กำลังก้าวเข้าสู่จุดสูงสุด ของวงจรชีวิตเครื่องเล่นเกมคอนโซล ในปี 2007 ถึงปี 2008 โดยเป็นปีที่เกมจำนวนมาก เริ่มพยายามผสมระบบการเล่นดั้งเดิม เข้ากับความสามารถใหม่ ๆ ของเครื่องเล่นเกมรุ่น DS (2 พฤศจิกายน 2025) [2]

อย่างเช่น การใช้ระบบหน้าจอคู่ การใช้ทัชสกรีน และระบบเชื่อมต่อออนไลน์ เหตุนี้ทำให้ Chunsoft ต้องออกแบบเกมภาคนักสำรวจแห่งกาลเวลานี้ อย่างระมัดระวัง ระหว่างการใช้ความคุ้นเคย จาก Rescue Team และความจำเป็นในการขยับตัวตามเทคโนโลยี ของยุคปัจจุบัน

เพื่อไม่ให้เกมดูเหมือนเป็นแค่เกมภาคต่อ ที่เปลี่ยนเพียงรายชื่อโปเกมอนในเจนใหม่ ทั้งหมด จึงเป็นสัญญาณว่าทีมงานต้องการให้เกมนี้ มีตัวตนที่สอดคล้องกับยุคสมัย มากกว่าจะยึดติดกับสูตรแบบเดิม

เรื่องราวที่ตัวเกมภาคนี้ ต้องการนำเสนอออกมา

เกมโปเกมอน มิสทรีเอกซ์พลอเรอส์ หรือนักสำรวจแห่งกาลเวลา ที่เปิดตัวให้เล่นในวันที่ 13 เดือนกันยายน ปี 2007 ไม่ได้ตั้งใจเล่าเรื่องการสำรวจดันเจี้ยนเท่านั้น แต่ต้องการขยายความหมาย ของคำว่าการเดินทาง ด้วยความทรงจำที่หายไป ซึ่งเชื่อมโยงเข้ากับธีมเวลาที่สั่นคลอน ภายในเกม (2025) [3]

จนทำให้โลกของเหล่าโปเกมอนสูญเสียเสถียรภาพ การหายไปของ Time Gears จึงเป็นทั้งปัญหาของโลก และเป็นปัญหาของตัวละครที่ผู้เล่นควบคุม เพราะทั้งคู่กำลังขาดบางสิ่ง ที่ควรมีอยู่ในที่ของมัน นี่คือเหตุผลที่เนื้อเรื่อง ภาคเอกซ์พลอเรอส์ ใช้เวลาในการเล่าเรื่องราวต่าง ๆ มากกว่าฉากหลัง

ความเชื่อมโยงระหว่างการค้นหาเวลา และการค้นหาตัวตน ทำให้เกมภาคนี้ มีน้ำหนักเชิงอารมณ์ มากกว่าภาคอื่นในซีรีส์ และทั้งหมดนี้ คือจุดที่เนื้อเรื่องพยายามสร้างให้ผู้เล่น รู้สึกถึงการเดินทาง มากกว่ารับชมการเดินเรื่องธรรมดา ๆ เหมือนที่ผ่านมา

การเล่นเกม ภาค Explorers และกระแสตอบรับ

รีวิวโปเกมอนมิสทรี Explorers

ระบบการเล่นที่รองรับธีมเหล่านี้ ถูกออกแบบอย่างไร และผู้เล่นเกมในปีที่เกมเปิดตัว รับรู้คุณค่าของผลงานนี้ มากน้อยแค่ไหน เพราะแม้ธีมเวลา ความทรงจำ และชะตากรรม จะถูกวางไว้อย่างมีน้ำหนัก แต่พลังของสิ่งต่าง ๆ ที่เกมต้องการจะนำเสนอ จะส่งถึงผู้เล่นจริงหรือไม่

ย่อมขึ้นอยู่กับจังหวะของเกมเพลย์ และการตอบรับหลังวางจำหน่าย โดยทั้ง 2 ประเด็นนี้ จึงทำหน้าที่เป็นภาพสะท้อนความต่อเนื่อง ของรากฐานการออกแบบเกม ไปจนถึงเสียงวิจารณ์ในช่วงที่เกมออกสู่ตลาด

การเล่นเกมโปเกมอน ภาค MysteryExplorers of Time

ระบบการเล่นของเกมภาคนี้ ยังยึดโครงสร้างของ Mystery Dungeon แบบสลับเทิร์นเป็นแกนกลาง แต่สิ่งที่ทำให้ภาคนี้ มีความลื่นมากกว่าภาคก่อน คือการจัดจังหวะระหว่างของดันเจี้ยน ที่สุ่มเหตุการณ์ต่าง ๆ ขึ้นมา โดยสิ่งนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางของการตัดสินใจ เพื่อลดความรู้สึกของระบบการเล่นแบบซ้ำ ๆ

ทางทีมงานจึงเพิ่มกิจกรรมเสริม เช่นกระดานภารกิจ การจัดการไอเทม และระบบคู่หู ที่เติบโตไปพร้อมกับตัวละครหลักเข้าไป เพื่อทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่า ทุกภารกิจที่ทำในดันเจี้ยนนั้น มีความหมาย แม้พื้นฐานของแผนที่สุ่ม อาจจะยังคงมีรูปแบบการสุ่ม แบบลักษณะเดิมก็ตาม

แต่การผูกทุกระบบเข้ากับธีมเวลา ทำให้เกมเพลย์มีเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้น กว่าเกมภาคก่อนอย่างเห็นได้ชัด โดยระบบเกมเพลย์ไม่ใช่แค่กลไกหลัก แต่เป็นส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่องราว และสะท้อนความตั้งใจของทีมผู้พัฒนา ในการทำให้ความท้าทาย กลายเป็นบรรยากาศสำคัญของเกมภาคนี้

กระแสตอบรับ จากฐานแฟนเกม และนักวิจารณ์ทั่วโลก

เมื่อเกมวางจำหน่าย ในปี 2007 ภายในประเทศญี่ปุ่น และปี 2008 ในยุโรป กระแสตอบรับของผู้เล่น และนักวิจารณ์แบ่งออกเป็น 2 กระแสอย่างชัดเจน ด้านหนึ่งคือคำชื่นชมว่าภาคนี้ มีเรื่องราวที่เข้มข้นที่สุด ของเกมในซีรีส์ MysteryDungeon โดยหลายรีวิวมองว่าการผูกโยงธีมเวลา และชะตากรรมเข้าด้วยกัน

สอดคล้องกับเสียงจากแฟนเกมจำนวนมาก ที่มองว่าความผูกพันกับคู่หู และการเล่าเรื่อง คือเหตุผลที่ภาคนี้ ยังถูกพูดถึงมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ ยอดขายรวมที่ทะลุเกิน 6.37 ล้านชุด ภายในปี 2010 ยังสะท้อนว่าภาคนี้ สามารถเข้าถึงผู้เล่นวงกว้างได้

แต่อีกด้านหนึ่งก็มีเสียงวิจารณ์ที่หนักแน่น เกี่ยวกับระบบเกมที่ยังคงรูปแบบเดิมเกินไป นักวิจารณ์หลายสำนักให้คะแนนอยู่ที่ 60% โดยให้เหตุผลว่าระบบดันเจี้ยน ยังขาดความหลากหลาย บางช่วงมีความซ้ำซาก และภาพกราฟิกยังไม่โดดเด่น เมื่อเทียบกับเกมบนเครื่อง DS ที่เปิดตัวให้เล่น ในปีเดียวกัน

สรุป รีวิวโปเกมอนมิสทรี ภาคนักสำรวจแห่งกาลเวลา

เกมโปเกมอนภาคนี้ เป็นตัวอย่างเกมที่สร้างความประทับใจ ด้วยอารมณ์ และโครงสร้างทางเรื่องราว มากกว่าการเปลี่ยนแปลงระบบการเล่น แม้ดันเจี้ยน จะถูกวิจารณ์ว่าไม่หลากหลาย แต่พลังของธีมเวลา ความทรงจำ และความผูกพันกับคู่หู ทำให้เรื่องราวในภาคนี้โดดเด่น จนได้รับการยกย่องมาจนถึงปัจจุบัน

จุดเด่นของตัวเกมโปเกมอนภาคนี้ คืออะไร?

จุดเด่นอยู่ที่การใช้ความทรงจำ เป็นแกนกลาง และผูกสิ่งนี้เข้ากับเกมเพลย์ ทำให้การสำรวจดันเจี้ยน มีน้ำหนักทางอารมณ์ มากกว่าเกมภาคก่อน ผู้เล่นไม่เพียงเดินหน้าเพื่อผ่านดันเจี้ยน แต่ต้องเดินไปพร้อมกับการคลี่คลายความทรงจำของตัวละคร และความสัมพันธ์กับคู่หู ที่ค่อย ๆ เติบโตตามเหตุการณ์ในเรื่อง

จุดด้อยของเกมโปเกมอน Explorers คืออะไร?

แม้ภาคเกมภาคนี้ จะโดดเด่นด้านการเล่าเรื่อง แต่ข้อจำกัดสำคัญ คือระบบดันเจี้ยน ที่ยังคงความซ้ำซากจากเกมภาคก่อน จนอาจลดแรงจูงใจของผู้เล่นบางกลุ่ม โดยเฉพาะเมื่อดันเจี้ยนหลายแห่ง มีโครงสร้างคล้ายกัน และมีจังหวะดำเนินเรื่องค่อนข้างยาว ทำให้บางช่วง ของเรื่องราวมีจังหวะที่ลง โดยไม่จำเป็น

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง