
สาเหตุ คนเกาหลี ถูกหลอกไปกัมพูชา จุดเริ่มต้นอยู่ที่ไหน ?
- Pet Noi
- 117 views

สาเหตุ คนเกาหลี ถูกหลอกไปกัมพูชา สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลง ของอาชญากรรมข้ามชาติในยุคดิจิทัล จากคำชวนต่าง ๆ สู่กับดักที่ซ่อนอยู่ เหตุการณ์นี้ไม่เพียงเตือนให้คนเกาหลีระวังเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนสำคัญ ให้ทุกประเทศรู้เท่าทัน รูปแบบหลอกลวงที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง
มีรายงานว่าคนเกาหลีกว่า 250 คน ถูกหลอกไปทำงานในกัมพูชา ในช่วงปี 2023 – 2025 โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2023 ถึงกว่า 10 เท่า จุดเริ่มต้นมักมาจากการชวนทำงาน ผ่านโซเชียลที่เสนอรายได้สูงเกินจริง โดยไม่ต้องยื่นเอกสารตรวจสอบ
ก่อนจะถูกพาเข้าสู่พื้นที่ปิด เพื่อบังคับทำงานเป็น สแกมเมอร์ ในกัมพูชา ณ ศูนย์หลอกลวง ขณะเดียวกัน หน่วยงานสืบสวนพบว่าเกือบ 70% ของคดี มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายออนไลน์ ระหว่างประเทศที่เปลี่ยนรูปแบบหลอกลวง อยู่ตลอดเวลา
มีรายงานว่า คนเกาหลีมากกว่า 60% ของผู้ถูกหลอก ในปี 2024 เริ่มต้นจากการสมัครงานผ่านช่องทางออนไลน์ ที่เสนอรายได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 3 เท่า โดยไม่ต้องยื่นเอกสารยืนยันตัวตนใด ๆ ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน เหยื่อจำนวนมากถูกลวงให้เดินทาง ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
ก่อนถูกส่งต่อเข้าสู่กัมพูชา เพื่อทำงานในศูนย์หลอกลวง ข้อมูลจากช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ยังพบว่า การหลอกผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ช่องทางแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร รวมไปถึงสินค้า หรือบริการเล่นเกมต่าง ๆ อาทิเช่น Social Media Platforms เป็นต้น (29 เมษายน 2025) [1]
ได้เพิ่มขึ้นกว่า 40% เมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ ซึ่งสะท้อนถึงความซับซ้อน ของการ ค้ามนุษย์กัมพูชา ล่าสุด ยุคใหม่ ที่อาศัยเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลัก ทั้งนี้ คำชวนทำงานออนไลน์ต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะพบใน SMS หรือแม้แต่สื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ (9 มีนาคม 2023) [2]
หนึ่งในสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้คนเกาหลีตกเป็นเหยื่อคือ “ช่องโหว่ของข้อมูลส่วนตัว” ที่ถูกเปิดเผยบนโลกออนไลน์ ปัจจุบันมีรายงานว่า กว่า 65% ของเหยื่อถูกล่อลวงจากข้อมูล ที่หลุดจากเว็บไซต์หางาน ในปี 2024 ข้อมูลพื้นฐานอย่างเบอร์โทรศัพท์ หรือที่อยู่
ถูกนำไปใช้สร้างโปรไฟล์ปลอม เพื่อเข้าถึงเหยื่อโดยตรง ภายในครึ่งแรกของปี 2025 พบการใช้งานบัญชีปลอมเพิ่มขึ้นกว่า 35% เมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ ดังนั้น การรู้เท่าทันในการให้ข้อมูลส่วนตัว จึงเป็นแนวป้องกันที่ทุกคนควรตระหนักมากขึ้น ในยุคนี้

สาเหตุที่คนเกาหลีตกเป็นเป้าหลัก มาจากภาพลักษณ์ประเทศ ที่มีเศรษฐกิจมั่นคง และประชาชนใช้เทคโนโลยีสูง ทำให้ขบวนการค้ามนุษย์มองว่า เป็นกลุ่มที่เข้าถึงได้ง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ รายงานในปีที่ผ่านมา ระบุว่า กว่า 58% ของผู้เสียหาย ได้รับข้อความชักชวน ผ่านแอปสนทนาปลอม
ขณะเดียวกันคนวัยทำงานอายุ 20 – 40 ปี ถูกระบุว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงสุดถึง 62% เพราะมักหางานต่างประเทศระยะสั้น ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดช่วงต้นปี 2025 หน่วยงานสอบสวนยังพบว่า การหลอกลวงคนเกาหลีเพิ่มขึ้นกว่า 30% สะท้อนว่าปัญหานี้ กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ความสัมพันธ์ระหว่าง “คนเกาหลี” กับ “ขบวนการค้ามนุษย์ในกัมพูชา” เริ่มชัดเจนขึ้นตั้งแต่ปี 2023 เมื่อมีการตรวจพบเครือข่ายหลอกลวง ที่มีฐานข้อมูลและระบบควบคุม จากพื้นที่ชายแดนปอยเปต เหยื่อส่วนใหญ่ถูกลวงไปทำงานในศูนย์สแกม ที่อ้างว่าเป็นบริษัทเทคโนโลยี
โดยมีคนเกาหลีถูกระบุชื่อกว่า 200 ราย ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา การสืบสวนพบว่า มีการติดต่อระหว่างนายหน้าจากเกาหลีใต้ และเครือข่ายในกัมพูชาเพิ่มขึ้น กว่า 45% ภายในปีเดียว ขบวนการเหล่านี้อาศัยช่องโหว่ด้านกฎหมาย และการสื่อสารออนไลน์ ที่ขยายตัวรวดเร็ว
ทำให้การติดตามเป็นไปได้ยาก การรับรู้ถึงความเชื่อมโยงนี้ หรือรู้ว่าการค้ามนุษย์ คือการบีบบังคับใช้แรงงาน การบังคับให้เป็นทาส เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน จึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการป้องกัน และสร้างความเข้าใจร่วมระหว่างประเทศ (16 ตุลาคม 2025) [3]
ผลกระทบจากความเชื่อมโยงระหว่าง “คนเกาหลี” กับ “ขบวนการค้ามนุษย์ในกัมพูชา” ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ระดับบุคคล แต่ขยายวงกว้างไปถึง ความเชื่อมั่นระหว่างประเทศ รายงานช่วงกลางปี 2025 ระบุว่า มีเหยื่อกว่า 250 ราย
ถูกส่งกลับประเทศ ภายใต้สภาวะบอบช้ำทางจิตใจ และร่างกายกว่า 80% ต้องเข้ารับการฟื้นฟูระยะยาว เหตุการณ์นี้ยังส่งผลโดยตรง ต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว ซึ่งลดลงกว่า 12% ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การสั่นคลอนทางสังคมที่เกิดขึ้น ทำให้หลาย ๆ ประเทศ อย่างประเทศเกาหลี หรือไทยเอง ต้องเร่งสร้างมาตรการ “คุ้มครองแรงงานข้ามชาติ” อย่างจริงจัง ขณะเดียวกันยังเป็นสัญญาณเตือน ถึงความจำเป็นของการรู้เท่าทัน “ภัยออนไลน์” ในวงกว้างยิ่งขึ้น
สาเหตุหลัก ๆ ที่คนเกาหลีถูกหลอกไปกัมพูชา มาจากความเชื่อในข้อเสนอ โดยเฉพาะงานรายได้สูง ในต่างประเทศ อีกทั้งการขาดการตรวจสอบข้อมูล และการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ในโลกออนไลน์ ทำให้กลุ่มค้ามนุษย์ใช้ช่องโหว่เหล่านี้ ล่อลวงได้ง่ายขึ้น จนปัญหานี้กลายเป็นภัย ที่ต้องรีบแก้ไข
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เพียงเรื่องไกลตัว แต่เป็นบทเรียนสำคัญ ที่สะท้อนถึงอันตรายของข้อมูล และความไว้ใจในโลกออนไลน์ การเรียนรู้จากเหตุการณ์นี้ ช่วยให้เราเข้าใจรูปแบบการหลอกลวง ที่ซับซ้อนมากขึ้น และสามารถป้องกันตัวเองได้ ก่อนตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ยุคใหม่
เหตุการณ์นี้เตือนให้สังคมโลกเห็นว่า การค้ามนุษย์ไม่จำกัดพรมแดนอีกต่อไป แต่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ที่ขาดการตรวจสอบข้อมูล มันสะท้อนถึงความจำเป็น ของการสร้างระบบคุ้มครอง และความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครต้องตกเป็นเหยื่อ ในยุคที่โลกเชื่อมถึงกันมากขึ้น

