
แนะนำโปเกมอนรุ่น 8 ถึง 9 จุดกำเนิดเกมโอเพ่นเวิลด์ ของโปเกมอน
- Good Day's
- 63 views

แนะนำโปเกมอนรุ่น 8 ถึง 9 ซีรีส์เกมที่เปิดตัวให้เล่นต่อจากเกม ใน แนะนำเกมโปเกมอน รุ่น 7 บทความก่อนหน้านี้ หลังจากแฟรนไชส์เกมนี้ เดินทางผ่านช่วงเวลาแห่งการทดลอง ทีมพัฒนาอย่าง Game Freak ก็เริ่มต้นบทใหม่ ด้วยคำถามว่าจะทำอย่างไร ให้โปเกมอนยังรู้สึกใหม่อยู่ตลอดเวลา

หลังจากยุคอโลลาได้แสดงให้เห็น ว่าโลกของแฟรนไชส์เกมโปเกมอน ยังสามารถเปลี่ยนแนวทางของตัวเองได้ โดยไม่หลงตัวตน ทีมงานผู้พัฒนาก็เริ่มมองไปข้างหน้า อย่างจริงจัง ว่าเกมต่อไปที่จะเปิดตัวให้เล่นต่อนี้ จะพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหน บนเครื่องเล่นที่มีศักยภาพสูงกว่าเดิม (16 ตุลาคม 2025) [1]
อย่าง Nintendo Switch ซึ่งการเปลี่ยนผ่านจากเกมรุ่นที่ 7 มาสู่รุ่นที่ 8 กับรุ่น 9 จึงไม่ได้เป็นเพียงการอัปเกรดภาพ หรือระบบ แต่เป็นการเปลี่ยนแนวคิดการสร้างเกม แบบเดิมไปอย่างสิ้นเชิง จากเกมที่เคยเดินตามเส้นเรื่องแบบคงที่ ให้กลายเป็นเกมที่เปิดพื้นที่ให้ผู้เล่น เลือกจังหวะการเล่นได้อย่างอิสระ
การขยายขอบเขตของเกมโปเกมอน เกิดขึ้นในช่วงเวลาระหว่างปี 2019 จนถึงปี 2022 ด้วยการเริ่มต้นด้วยการเปิดตัวเกม Pokemon ภาค Sword & Shield ในปี 2019 ซึ่งเป็นเกมภาคหลักแรกของเกมเจน 9 ที่สร้างขึ้นเต็มรูปแบบ สำหรับเล่นในเครื่องเล่นเกม Nintendo Switch (11 ตุลาคม 2025) [2]
เกมนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เกมแฟรนไชส์นี้ ก้าวเข้าสู่การเป็นเกมที่มีความละเอียด ของภาพกราฟิกที่สูง พร้อมโหมดออนไลน์ ที่รองรับผู้เล่นทั่วโลก ซึ่งเปลี่ยนประสบการณ์การเล่นเกม ของโปเกมอนจากเกมพกพา สู่เกมคอนโซลแบบเต็มตัว และในสัดส่วนผู้เล่น มีเพิ่มขึ้นกว่า 60% จากยุค 3DS
นอกจากนี้ ยังมีภาคเสริม The Isle of Armor และ The Crown Tundra ที่ขยายเนื้อหาให้กว้างขึ้น แบบไม่ต้องออกเกมใหม่ ในปี 2020 ถึงปี 2021 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เกมโปเกมอน ใช้โมเดล Expansion Pass อย่างเป็นระบบ
รูปแบบการเล่นของเกมโปเกมอนใน Generation 8 กับเจน 9 คือการเปลี่ยนจากเกมแนว RPG แบบดั้งเดิม มาสู่เกมที่สามารถผจญภัยได้แบบไร้กรอบ โดยในเกมโปเกมอน ภาค SwordShield จากบทความ รีวิว Pokemon ซอร์ดชิลด์ ก่อนหน้านี้ ผู้เล่นจะได้พบกับระบบ Wild Area
ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ ที่สามารถหมุนกล้องได้ 360 องศา กับสามารถพบเจอโปเกมอนได้ แบบเรียลไทม์ แทนการสุ่มเจอในหญ้าเหมือนเกมยุคก่อน นอกจากนี้ ยังมีระบบ Dynamax ที่จะขยายขนาดของโปเกมอนให้ใหญ่ขึ้น ช่วยเพิ่มมิติในการวางกลยุทธ์ทั้งในโหมดผู้เล่นเดี่ยว และออนไลน์
สำหรับเกมโปเกมอนเจน 9 ที่การเล่นถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น คือเกม ภาค Scarlet & Violet ที่เป็นเกมแบบ Open World เต็มรูปแบบ และเพิ่มเส้นทางการเล่น ที่ผู้เล่นสามารถเลือกเส้นทางได้ 3 แบบตามความชอบ อย่างการเป็นแชมเปี้ยน, การต่อสู้กับทีมดาวร้าย หรือการสำรวจโปเกมอนลึกลับ (2025) [3]

เมื่อเข้าใจรูปแบบการเล่น กับแนวคิดของการพัฒนาเกมโปเกมอน ในเจเนอเรชันที่แปดกับเก้าแล้ว สิ่งที่ตามมาคือการตั้งคำถามสำคัญว่าอะไร คือเสน่ห์ที่ทำให้เกมที่เกิดขึ้นในยุคนี้ แตกต่างออกไปจากเกมทุกภาค ที่ผ่านมา เพราะแม้โปเกมอน จะยังคงแกนหลักเรื่องการจับ
ฝึก และต่อสู้เหมือนเดิม แต่รายละเอียดในระบบของเกม กลับสะท้อนให้เห็นถึงความกล้าในการปรับตัวเข้ากับยุคใหม่ อย่างชัดเจน ทั้งด้านเทคโนโลยี การออกแบบพื้นที่ และจังหวะการเล่าเรื่องที่ให้ผู้เล่น มีบทบาทมากขึ้นกว่าเดิม
สิ่งที่ทำให้เกมทั้ง 2 เจเนอเรชันนี้โดดเด่น ไม่ใช่เพียงเพราะเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดขึ้น จากยุคก่อน แต่เป็นการยอมรับความเปลี่ยนแปลงของโลกเกม โดยเกมภาคแรกในเจนที่ 8 คือเกมภาคแรก ที่ทำให้ผู้เล่นได้เห็นภาพของโปเกมอน ในสเกลใหญ่ และสมจริงกว่า
เกมนี้ยังเป็นภาคแรกที่ใช้ระบบออนไลน์ เปิดให้ผู้เล่นทั่วโลก สามารถเข้าร่วมกิจกรรม Dynamax Raid ได้พร้อมกัน และแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนทิศจากเกมเดี่ยว ไปสู่เกมเชื่อมโยงชุมชน ซึ่งเป็นการพัฒนาแนวคิด ที่ต่อยอดจากระบบออนไลน์ ของเกม Generation 7
และในขณะเดียวกัน เกมโปเกมอน ภาค ScarletViolet คือเกมที่เปลี่ยนจากเกมแนว RPG ทั่วไป สู่การเป็นเกมแนว Open World ที่ผู้เล่นสามารถสำรวจโลกกว้างใหญ่ได้อย่างอิสระ ทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าสูตรการเล่นเดิมของโปเกมอน สามารถปรับเปลี่ยนได้ โดยไม่เสียเอกลักษณ์เกมไป ทั้งหมด
ในบรรดาเกมทั้งหมด ของเกมรุ่น 8 จนถึงรุ่นที่ 9 เกมจำนวน 2 ภาคที่ได้รับการพูดถึงมากสุด คือเกมภาคซอร์ดแอนด์ชิลด์ กับเกมภาคสการ์เล็ตแอนด์ไวโอเล็ต ที่ได้มีการเขียนถึงไปข้างต้น ซึ่งทั้งคู่สะท้อนให้เห็นถึง 2 ยุคของการทดลอง
และการเติบโตของเกมทั้งหมด ในแฟรนไชส์นี้ โดยเกมภาคซอร์ดแอนด์ชิลด์ ได้รับคะแนนเฉลี่ย 80/100 จากเว็บไซต์ Metacritic และได้รับคำชื่นชมจาก IGN ว่าเป็นเกมภาคที่มีจังหวะการเล่าเรื่อง และมีระบบต่อสู้ที่แข็งแรงที่สุด ในเครื่องเล่นเกมนินเท็นโด Switch
ส่วนเกมโปเกมอน ภาค ScarletViolet ซึ่งเปิดตัวในปี 2022 ก็ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่พาแฟรนไชส์เข้าสู่โลกโอเพ่นเวิลด์ อย่างแท้จริง แม้จะมีเสียงวิจารณ์เรื่องประสิทธิภาพกราฟิก แต่สื่อแฟนเกมส่วนใหญ่ยอมรับการเล่น ในแนวทางใหม่นี้
เกมโปเกมอน Generation 8 ถึงเจน 9 คือยุคที่เกมโปเกมอน ได้เปลี่ยนมาเป็นเกมแห่งการผจญภัย แบบไร้ขอบเขต ด้วยการเปลี่ยนแนวการเล่น จากแนว RPG มาเป็นเกมแนวโอเพ่นเวิลด์ แม้อาจไม่สมบูรณ์แบบในทุกด้าน แต่เกมทั้ง 2 รุ่นที่หยิบมาแนะนำ ก็เป็นเกมที่ยังพร้อมพัฒนาไปพร้อมกับผู้เล่น
เกมโปเกมอน จากเจเนอเรชันทั้ง 2 เหมาะกับผู้เล่นที่ชอบอิสระในการสำรวจ ที่หลงใหลในการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ด้วยตัวเอง เกมทั้งหมดในสองรุ่นนี้ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถเลือกเส้นทาง ของการเป็นเทรนเนอร์ได้ หลากหลาย มากกว่าการเดินตามเส้นเรื่องแบบตายตัว ที่ตัวเกมวางไว้
ผู้เล่นที่ชอบการต่อสู้แบบเก่า หรือชอบการต่อสู้ในสนามยิม แบบดั้งเดิม อาจรู้สึกว่าเกมในเจนนี้ มีแต่ความท้าทาย และเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงที่เร็วเกินไป นอกจากนี้ ปัญหาด้านกราฟิกกับเฟรมเรต ในบางช่วง อาจทำให้ผู้เล่นที่คาดหวังระบบการเล่นที่มีความสมบูรณ์แบบ พบเจอกับอาการสะดุดของเกม

