
แนะนำโปเกมอนรุ่น 5 ถึง 6 จากซีรีส์เกมคลาสสิก สู่เกมยุค 3D
- Good Day's
- 168 views

แนะนำโปเกมอนรุ่น 5 ถึง 6 ของแฟรนไชส์เกมโปเกมอน เจน 5 กับเจน 6 หลังจากที่เกมโปเกมอน ยืนหยัดความสำเร็จในยุค Nintendo DS ได้อย่างมั่นคง เกมก็เข้าสู่ช่วงที่ต้องมีการเติบโต เพื่อให้ทันกับผู้เล่น ที่เติบโตมาพร้อมเกมของแฟรนไชส์ อย่างการปรับการเล่นสุดคลาสสิก ให้ก้าวเข้าสู่เกมแนว 3D

เมื่อจบยุคเกมของเจน 4 อย่างที่เขียนไปใน แนะนำเกมโปเกมอน รุ่น 4 ที่ประสบความสำเร็จเกินคาด ทางทีมผู้พัฒนา GameFreak ก็ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหม่ ในการพาแฟรนไชส์เกมโปเกมอน ให้ก้าวเข้าสู่ยุคที่เต็มไป ด้วยเทคโนโลยี และความคาดหวังของผู้เล่นต่อ (7 กันยายน 2025) [1]
เพราะทั้งหมด คือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ของความคลาสสิกที่ต้องรักษาไว้ กับความทันสมัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และคำตอบของโจทย์นี้ทั้งหมด คือเกมที่เห็นในเจเนอเรชันที่ 5 กับเจเนอเรชัน 6 ที่ไม่เพียงเปลี่ยนภาพลักษณ์ของเกมในซีรีส์ แต่ยังเปลี่ยนความเข้าใจ ที่ผู้เล่นเข้าใจเกี่ยวกับเกมโปเกมอนไปตลอดกาล
หลังจากเกมโปเกมอน ใน Generation 4 สร้างชื่อในยุคที่ผู้เล่น นิยมใช้เครื่อง Nintendo DS ได้อย่างงดงาม ทางผู้พัฒนาอย่าง GameFreak ก็เดินหน้าต่อยอดตัวเกม ด้วยการเปิดตัวเกม Generation V ในปี 2010 ด้วยเกมโปเกมอน ภาค Black และ White จากบทความ รีวิว Pokemon แบล็คไวท์ ก่อนหน้านี้
ถือเป็นเกมภาคแรก ที่ได้มีการยกระดับการเล่าเรื่องให้เข้มข้นขึ้น และยังเป็นเกมรุ่นแรก ที่ใช้โปเกมอนใหม่ทั้งหมด ในช่วงเริ่มต้น รวมถึงในปี 2013 ยังเป็นปีที่เกมโปเกมอน ได้ก้าวเข้าสู่โลกของเกมแนว 3D อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการเปิดตัวเกมภาค XY บนเครื่องเล่นนินเท็นโด 3DS (27 กันยายน 2025) [2]
และตามด้วยเกมภาค Omega Ruby และ Alpha Sapphire ในปี 2014 ที่นำความคลาสสิกของภูมิภาค Hoenn กลับมาให้ผู้เล่นได้เล่น อีกครั้ง แต่ระบบการเล่นจะเป็นการเล่าเนื้อหาใหม่ ๆ ที่ดูเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม (2025) [3]
เกมโปเกมอน Generation 5 มีระบบการเล่นรูปแบบเทิร์นเบส เหมือนเกมยุคคลาสสิกก่อน ๆ แต่ในการเล่นเกมในเจนที่ห้านี้ จะถูกเพิ่มเติมด้วยการออกแบบเนื้อเรื่องที่จริงจัง และทำให้ผู้เล่นมีอารมณ์ร่วมมากขึ้น ผู้เล่นจะถูกตัวเกม ปรับมุมมองที่ผู้เล่นมีต่อโปเกมอนแบบเดิมออกไปทั้งหมด
เช่นการปรับให้โปเกมอน กลายเป็นสิ่งมีชีวิต ไม่ใช่แค่เครื่องมือสำหรับต่อสู้ แบบเดียวกับระบบ Seasons ที่เปลี่ยนสภาพอากาศ และภูมิทัศน์ตามเวลาในโลกจริง การเพิ่มชีวิตให้กับมอนสเตอร์ในเกม ทำให้การสำรวจ และทำให้ภูมิภาค Unova ดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น
ระบบเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดของทีมพัฒนา ที่ต้องการให้โปเกมอน เป็นโลกที่เติบโตไปพร้อมกับผู้เล่น มากกว่าจะเป็นเพียงเกมสะสมโปเกมอน เพียงอย่างเดียว ด้วยการเปลี่ยนภาพเป็น 3D และเพิ่มระบบ Mega Evolution ที่ให้โปเกมอนบางตัว สามารถเปลี่ยนร่างชั่วคราว ระหว่างการต่อสู้

เมื่อเข้าใจโครงสร้างกับระบบการเล่น ของเกมโปเกมอนทั้ง 2 เจเนอเรชันแล้ว สิ่งที่ควรทำความเข้าใจต่อ คือคุณค่าที่ทำให้เกมยุคนี้ แตกต่างจากยุคก่อน โดยเกมโปเกมอน Generation V และ VI ไม่ได้ถูกจดจำ เพียงเพราะกราฟิกที่ดีขึ้น
หรือมีระบบการเล่นใหม่ ๆ ที่ซับซ้อนขึ้นเท่านั้น แต่เป็นเพราะเกมในทั้ง 2 เจเนอเรชัน เป็นเกมที่กล้าปรับโทนการเล่นของตัวเอง จากเกมแนวผจญภัยที่เน้นความสนุก ให้กลายเป็นเกมที่สะท้อนอารมณ์ ความสัมพันธ์ และโลกของผู้เล่นมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่ทำให้เกมโปเกมอน Generation V กับ VI แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้า คือความกล้าที่จะทลายกรอบการเล่นแบบเดิม ๆ เพราะว่าเกมในเจนที่ห้า ถือเป็นครั้งแรก ที่เกมโปเกมอนพยายามเล่าเรื่องราวเชิงศีลธรรม และเชิงตั้งคำถามกับผู้เล่นมากกว่า อย่างเช่น มนุษย์มีสิทธิ์ควบคุมโปเกมอน หรือไม่
โดยเหตุผลนี้ คือสิ่งที่ทำให้โปเกมอน ก้าวข้ามจากเกมผจญภัย สู่เกมที่มีมิติทางอารมณ์กับแนวคิดมากขึ้นกว่าเดิม จนได้รับคำชื่นชมจากสื่อ ว่าเป็นเกมภาคที่โตเป็นผู้ใหญ่ที่สุดของแฟรนไชส์เกมโปเกมอน ซึ่งเพิ่มความหลากหลายในการเล่นมากขึ้น 35% เมื่อเทียบกับเกมรุ่นก่อนหน้า
สำหรับเกมใน Generation ที่ 6 ความโดดเด่นอยู่ที่ภาพลักษณ์ใหม่ของโปเกมอน โดยเกมเข้าสู่ภาพกราฟิก 3D อย่างเต็มรูปแบบ บนเครื่องเล่นเกม Nintendo3DS ทำให้โลกของโปเกมอนดูมีชีวิตขึ้นกว่าที่เคย และยังช่วยเติมเต็มมิติทางกลยุทธ์ให้เกมเพลย์ลึกขึ้น อย่างเห็นได้ชัด
หนึ่งในเกมที่ได้รับเสียงชื่นชมมากที่สุด ของเกมแฟรนไชส์นี้ ในเจเนอเรชันที่ห้า คือเกมโปเกมอน ภาค Black & White ที่เปิดตัวให้เล่นปี 2010 ซึ่งได้รับคะแนนเฉลี่ย 87 คะแนน จากเว็บ Metacritic และถูกยกย่องว่าเป็นเกมภาคที่มีการเล่าเรื่องดีที่สุดของแฟรนไชส์ (2025) [4]
โดยเกมนี้ ถือเป็นเกมภาคที่สร้างมาตรฐานใหม่ ให้กับโลกของโปเกมอน ในเชิงเนื้อหา และทำให้ผู้เล่นรู้สึกผูกพันกับโลกของเกมมากกว่าเดิม ทั้งในแง่ของความหมาย กับการออกแบบเมือง ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเมืองที่มีอยู่บนโลกจริง ๆ ส่วนเกมโปเกมอน ภาค X & Y จากปี 2013
ที่อยู่ในเจเนอเรชันที่ 6 ก็ถือเป็นอีกเกมที่เปิดโลกเกมยุคใหม่ ด้วยการเปลี่ยนภาพเป็น 3D และมีระบบ MegaEvolution ที่กลายเป็นจุดขายสำคัญ ซึ่งเกมภาคเอ็กซ์แอนด์วายภาคนี้ ได้รับคะแนนเฉลี่ย 87 คะแนน จาก Metacritic
เกมโปเกมอน ที่มีให้เล่นใน Generation V ถึง VI คือบทพิสูจน์ว่าซีรีส์เกม ที่เริ่มต้นจากความเรียบง่าย ก็สามารถเติบโตเป็นเกมที่มีความลึกทั้งด้านเนื้อหา และเทคนิคได้ โดยไม่สูญเสียจิตวิญญาณเดิม เพราะเป็นช่วงเวลาที่เทคโนโลยี 3D กับแนวคิดการออกแบบใหม่ สามารถหลอมรวมเข้ากันได้ อย่างลงตัว
เกมโปเกมอนรุ่นที่ห้ากับหก เหมาะกับผู้เล่นที่ต้องการสัมผัสเกมที่มีเนื้อหาเข้มข้น และเป็นเกมที่ให้ผู้เล่นสามารถพบเจอความสวยงาม ของโลกเกมได้ อย่างทั่วถึง มากกว่าการเล่นเกมแบบรวดเร็ว และเหมาะกับผู้เล่น ที่อยากเห็นการเปลี่ยนผ่านของภาพกราฟิกแบบคลาสสิก สู่เกมยุคภาพกราฟิก 3D
เกมโปเกมอนทั้ง 2 เจน อาจไม่เหมาะกับผู้เล่นที่ต้องการความเรียบง่าย หรือจังหวะเกมที่รวดเร็ว เพราะเกมตั้งแต่เจน 5 ไปจนถึงเกมเจน 6 จะมีโครงเรื่องที่เข้มข้น และเน้นบทสนทนามากกว่าปกติ และระบบใหม่ ที่เพิ่มพลังของโปเกมอนบางตัวมากเกินไป อาจทำให้ความสมดุลของการเล่นดูเบี้ยวไปเล็กน้อย

