
รีวิว โปเกมอน ชัฟเฟิล ซีรีส์เกมภาคแยกของ Pokemon จากปี 2015
- Good Day's
- 27 views

รีวิว โปเกมอน ชัฟเฟิล อีกเกมพัซเซิล ภาค Spin Off ที่เปลี่ยนทิศทางครั้งสำคัญ ของซีรีส์เกม Pokemon จากการเป็นเกมบนคอนโซล สู่การเป็นเกม Free To Play ที่ออกแบบมาเพื่อให้เล่นได้เรื่อย ๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะแตกต่างจากเกมภาคสปินออฟ จาก รีวิวโปเกมอน Battle โทรเซย์ ก่อนหน้านี้

หลังจากเห็นภาพของ Pokemon ภาค Shuffle ที่ปรากฏในแฟรนไชส์โปเกมอน ในฐานะเกมพัซเซิลโปเกมอน ที่เดินคนละเส้นทาง กับ Battle Trozei การทำความเข้าใจเกมภาคนี้ จำเป็นต้องเริ่มจาก 2 เรื่องสำคัญ คือบริบทการถือกำเนิดของตัวเกม (8 ธันวาคม 2025) [1]
และแนวคิดที่ผู้พัฒนาตั้งใจ จะสื่อสารออกมา โดยเกมโปเกมอนภาคนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อขยายระบบการต่อสู้ ของโปเกมอนให้ลึกขึ้น แต่ถูกออกแบบขึ้นมา ภายใต้ช่วงเวลาที่รูปแบบการเล่น และพฤติกรรมผู้เล่นกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ภายในยุคนั้น
Pokemon Shuffle เป็นเกมที่เปิดตัววันที่ 18 กุมภาพันธ์ ปี 2015 บน Nintendo รุ่น 3DS ก่อนจะขยายไปสู่แพลตฟอร์มสมาร์ตโฟน ในช่วงเวลาเดียวกัน เกมยังคงพัฒนาโดยบริษัท Genius Sonority เช่นเดียวกับเกมโปเกมอน Battle Trozei แต่เลือกเดินคนละทิศทางอย่างชัดเจน (21 กันยายน 2025) [2]
จากการเป็นเกมพัซเซิลแบบซื้อครั้งเดียว สู่การเป็นเกมฟรีทูเพลย์ ที่อาศัยการเล่นซ้ำ ๆ และการอัปเดตต่อเนื่องของเกม เป็นแกนหลัก การเปลี่ยนผ่านนี้ สะท้อนบริบทของอุตสาหกรรมเกม ในช่วงกลางปี 2010 ที่ตลาดเกมมือถือ เริ่มมีบทบาทมากขึ้น และซีรีส์โปเกมอนเอง ก็เริ่มทดลองขยายพื้นที่ของตัวเอง
ให้ออกจากกรอบคอนโซลแบบเดิม เมื่อมองในเชิงโครงสร้างเกมภาค Shuffle จึงไม่ได้ถูกออกแบบมา ในฐานะเกมภาคต่อทางแนวคิด ของเกม BattleTrozei แต่เป็นการทดลองอีกแบบหนึ่ง ที่เน้นปริมาณผู้เล่น และอายุการใช้งานของเกมเป็นหลัก
สิ่งที่เกม Pokemon Shuffle ต้องการนำเสนอ จะแตกต่างจากเกมภาค BattleTrozei อย่างเห็นได้ชัด เกมภาคนี้กลับเลือกเน้นความต่อเนื่องของการเล่น มากกว่าการต้องเข้าใจระบบการเล่น ในเชิงลึก ตัวเกมออกแบบมา เพื่อให้ผู้เล่นกลับมาเปิดเกมซ้ำ ๆ เป็นประจำ (2025) [3]
ผ่านระบบด่านจำนวนมาก หรือการปลดล็อกโปเกมอนใหม่ และกิจกรรมพิเศษตามช่วงเวลา แนวคิดนี้ สะท้อนการมองเกมในรูปแบบเกมพร้อมบริการ มากกว่าเกมที่ตั้งใจให้เล่นจบเป็นรอบ ๆ ในอีกมุมหนึ่งเกมโปเกมอนภาคนี้ ยังพยายามลดกำแพงความซับซ้อน ของซีรีส์โปเกมอนลง
เพื่อให้ผู้เล่นที่ไม่คุ้นกับระบบธาตุ หรือการจัดวางทีม สามารถเริ่มเล่นได้ทันที แม้จะยังมีองค์ประกอบเรื่องธาตุ และความได้เปรียบเสียเปรียบอยู่ แต่ถูกนำเสนอในรูปแบบที่ไม่กดดันมากนัก เหมือนเกมภาคก่อนหน้า

การมองดูว่าการออกแบบเหล่านั้น ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างไร ในรูปแบบการเล่นจริง และผู้เล่นกับนักวิจารณ์ตอบสนองต่อเกม ในทิศทางใดบ้าง จึงจะช่วยให้เห็นภาพชัดขึ้น ว่าเกมโปเกมอนภาค Shuffle นี้ ยืนอยู่ตรงจุดไหน ในกลุ่มเกมแนวพัซเซิล ของแฟรนไชส์เกมโปเกมอน
รูปแบบการเล่นของเกมภาคนี้ อยู่บนโครงสร้างพัซเซิล แบบ Match 3 ที่ทุกคนคุ้นเคย แต่ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับแนวคิดการเล่นซ้ำ ๆ ในระยะยาว โดยผู้เล่นต้องจัดทีมโปเกมอนสูงสุด 4 ตัวละคร แล้วใช้การจับคู่ไอคอน เพื่อโจมตีโปเกมอนเป้าหมายบนกระดาน
โดยยังคงมีระบบธาตุ และความได้เปรียบเสียเปรียบ เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบการเล่นเกม แต่ถูกลดทอนความซับซ้อนลง เพื่อให้เข้าถึงได้ง่าย กว่าเกมภาค BattleTrozei ที่เปิดตัวให้เล่นในปี 2014 โดยโครงสร้างนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการออกแบบเกม ในช่วงปี 2015
ที่เริ่มให้ความสำคัญกับความเร็ว ในการเรียนรู้ มากกว่าการอธิบายระบบ ตั้งแต่เริ่มต้น สิ่งที่ทำให้เกมภาค Shuffle แตกต่างออกไป คือระบบ Hearts กับข้อจำกัดในการเล่น การออกแบบเช่นนี้ สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้เล่นเกมบนมือถือกว่า 65% ที่มักเล่นเกมเพียงช่วงสั้น ๆ แต่เล่นต่อเนื่องหลายวัน
กระแสตอบรับของเกมโปเกมอน ภาคนี้ หลังวางจำหน่ายมีลักษณะแตกต่าง จากเกมซีรีส์โทรเซย์ อย่างเห็นได้ชัด นักวิจารณ์จำนวนมาก มองว่าเกมสามารถดึงเสน่ห์ของโปเกมอน มาผสมกับเกมแนวพัซเซิลได้ลงตัว ทำให้มีคะแนนรีวิวจำนวน 60% ในช่วงปี 2015 ของผู้เล่นในช่วงนั้น
แต่เสียงตอบรับของฝั่งแฟนเกม กลับได้รับเสียงตอบรับแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มค่อนข้างชัด โดยผู้เล่นที่คุ้นเคยกับเกมมือถือ มองว่าเกมภาคนี้ เป็นเกมที่เล่นเพลิน และเหมาะกับการกลับมาเล่นทุกวัน ขณะที่แฟนเกมโปเกมอนดั้งเดิมบางส่วน กลับรู้สึกว่าจังหวะการเล่นถูกขัด ด้วยข้อจำกัดของระบบการเล่น
จากการรวบรวมความคิดเห็นของผู้เล่น ในหลายแพลตฟอร์ม จะพบว่าความเห็นเชิงบวกที่กล่าวถึงทั้งหมด สะท้อนให้เห็นว่าตัวเกมประสบความสำเร็จ ในฐานะเกมพัซเซิลสำหรับวงกว้าง แม้จะไม่สามารถตอบโจทย์ความคาดหวังของแฟนเกม ทุกกลุ่มได้พร้อมกัน
เกมโปเกมอนภาคนี้ เป็นเกมที่ประสบความสำเร็จ ในการขยายจักรวาลเกมไปสู่ผู้เล่นวงกว้าง ผ่านการเล่นที่เข้าใจง่าย และโครงสร้างที่กระตุ้นให้กลับมาเล่นซ้ำ แม้ระบบฟรีทูเพลย์ และข้อจำกัดด้านจังหวะการเล่น จะเป็นประเด็นที่ถูกตั้งคำถาม แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดตั้งต้น ที่เกมเลือกเดินตั้งแต่แรก
จุดเด่นของเกมภาคนี้ อยู่ที่ความสามารถในการทำให้เกมพัซเซิล ในจักรวาลโปเกมอน สามารถเข้าถึงผู้เล่นได้วงกว้าง ตัวเกมลดทอนความซับซ้อนของระบบลง และออกแบบให้เรียนรู้ได้เร็ว เหมาะกับการเล่นในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่สามารถเล่นได้ต่อเนื่อง ในระยะยาว
จุดด้อยของเกมภาคนี้ คือข้อจำกัดจำนวนครั้งในการเล่น ที่ทำให้จังหวะการเล่น ถูกแบ่งการเล่นออกเป็นช่วง ๆ และนอกจากนี้ การที่ตัวเกมเน้นความเข้าใจง่าย และการต้องเข้ามาเล่นซ้ำ ๆ เป็นหลัก ทำให้ความลึกเชิงกลยุทธ์ลดลง เมื่อเทียบกับเกมพัซเซิลที่ออกแบบมา เพื่อการคิดวางแผนแบบระยะยาว

