
รีวิวโปเกมอน Mystery DX การนำเสน่ห์เก่า กลับมาในเวอร์ชันใหม่
- Good Day's
- 58 views

รีวิวโปเกมอน Mystery DX กับการนำเกมคลาสสิก จากเกมที่เคยเขียนไปใน รีวิวโปเกมอน มิสทรี 2005 มาชุบชีวิตใหม่อีกครั้ง หลังจากที่ครั้งหนึ่งเกมโปเกมอน ภาคสปินออฟนี้เคยโดดเด่น ด้วยอารมณ์การผจญภัย ที่แตกต่างออกไป จากเกมซีรีส์โปเกมอนภาคหลัก อย่างสิ้นเชิง

การกลับมาของ Pokemon RescueTeam DX จากแฟรนไชส์โปเกมอน ไม่ได้เป็นเพียงการปรับภาพกราฟิก หรืออัปเกรดระบบ แต่เป็นความพยายามในการฟื้นเสน่ห์ ของเกมสปินออฟที่เคยสร้างฐานผู้เล่นไว้ และนำกลับมาถ่ายทอดใหม่ ให้เหมาะกับ Nintendo Switch มากยิ่งขึ้น (15 พฤศจิกายน 2025) [1]
การถือกำเนิดของ Pokemon Mystery Dungeon เริ่มต้นในปี 2005 เมื่อ Red Rescue Team และ Blue Rescue Team ถูกวางจำหน่าย ทำให้ซีรีส์เกมภาคสปินออฟนี้ ได้รับการจดจำในฐานะเกมที่พลิกมุมมอง ของแฟรนไชส์โปเกมอน จากเกมเทิร์นเบสสู่การผจญภัยในดันเจี้ยน แบบสุ่ม
โดยทั้งหมด ถูกเล่าในมุมมองของมนุษย์ที่กลายร่างเป็นโปเกมอน ซึ่งเป็นแนวคิดที่ค่อนข้างใหม่ในยุคนั้น การกลับมาทำเกมรีเมคใหม่ อย่างเกมโปเกมอนทีมกู้ภัยดีเอ็กซ์ ที่เปิดตัวให้เล่นในวันที่ 6 มีนาคม ปี 2020 จึงไม่ใช่แค่การขัดเงาเกมเก่าเหล่านั้น ให้ดูดีกว่าเดิม (4 พฤศจิกายน 2025) [2]
แต่เป็นการนำเสนอบทหนึ่ง ของประวัติศาสตร์เกมในแฟรนไชส์ ที่เลือกให้ผู้เล่นบนเครื่องเล่น Nintendo Switch ได้สัมผัสประสบการณ์การเล่นเก่า ๆ เหล่านั้น อีกครั้ง โดยอ้างอิงความสำเร็จเดิม ที่มีฐานแฟนเหนียวแน่นต่อเนื่องกว่า 15 ปี
สิ่งที่เห็นได้ชัด คือความตั้งใจของทีมพัฒนา ที่ต้องการทำให้เกมโปเกมอน ภาค Rescue Team DX นี้ เข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น สำหรับผู้เล่นที่ใช้งานเครื่องเล่นเกม Switch โดยไม่ทำลายเสน่ห์เดิมของเกมในซีรีส์ ระบบอย่าง Auto Mode หรือการเดิน 1 ก้าว เท่ากับ 1 เทิร์น และฟีเจอร์ Mega Evolution (2025) [3]
จะถูกใส่เข้ามาเพื่อทำจังหวะเกมให้ลื่นขึ้น สำหรับผู้เล่นทั่วไป ขณะที่ยังคงความซับซ้อนเชิงวางแผนไว้ พอให้ผู้เล่นรุ่นเก่ารู้สึกคุ้นเคยกับบรรยากาศเดิม ๆ โดยการออกแบบที่เล่าเรื่องที่เน้นความผูกพัน ระหว่างโปเกมอน จึงกลายเป็นหัวใจหลัก ของเกมภาค DX
โดยการใช้โทนภาพสี เพื่อช่วยเน้นอารมณ์ให้เหนือกว่าเกมต้นฉบับ ที่เปิดตัวให้เล่นไปในปี 2005 อย่างชัดเจน ทั้งหมดนี้ สะท้อนความพยายาม ในการผสานอารมณ์เกมแบบดั้งเดิม กับความสะดวกแบบเกมยุคใหม่ ให้เดินไปพร้อมกันได้

หลังจากเข้าใจแล้วว่าเกมโปเกมอน ภาคนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อเชื่อมโลกเก่า กับโลกใหม่ได้อย่างไร เนื้อหาช่วงต่อไป จะพาสำรวจกลไกต่าง ๆ ที่ทำให้เกมดำเนินไปได้จริง และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เมื่อเกมออกสู่ตลาด เพื่อให้เห็นภาพทั้งด้านการออกแบบ และการตอบรับจากเหล่าแฟนเกม
โครงสร้างหลักของเกมโปเกมอน ภาคทีมกู้ภัยดีเอ็กซ์ ยังคงแก่นการเล่นหลัก ๆ จากเกมต้นแบบเอาไว้ครบถ้วน และสิ่งนั้นคือระบบดันเจี้ยนแบบสุ่ม ที่เดิน 1 ช่องเท่ากับ 1 เทิร์น การออกแบบจังหวะเกมลักษณะนี้ ทำให้ผู้เล่นต้องคิดล่วงหน้าทุกการเคลื่อนไหว เพราะศัตรูและเพื่อนร่วมทีม จะขยับพร้อมกัน
ส่งผลให้แม้เกมจะมีรูปลักษณ์เป็นมิตร แต่กลไกที่อยู่ข้างใน กลับเป็นเกมวางแผนเต็มตัว ตัวอย่างเช่น การจัดตำแหน่งตัวละคร การเลือกท่าโจมตีตามประเภท และการคาดการณ์เส้นทางหนี เมื่อพบเจอเหตุการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งทั้งหมด ถูกนำเสนอผ่านงานภาพวาดพู่กัน ที่ช่วยลดความตึงเครียดของเกมเพลย์
ทำให้เกมมีบรรยากาศนุ่มนวล กว่าเวอร์ชันเดิม ในขณะที่แกนหลักยังคงเดิม แต่เกมภาคนี้ ก็เพิ่มเครื่องมือหลายอย่าง เพื่อให้ประสบการณ์การเล่นเข้ากับผู้เล่นยุคใหม่ เช่น ระบบ Auto Mode ที่ช่วยวิ่งเก็บไอเทม และหาเส้นทางโดยไม่ต้องควบคุมเอง หรือระบบ Auto Save ที่ป้องกันการเสียความคืบหน้า เป็นต้น
เมื่อเปิดตัวในปี 2020 เกมได้รับคำวิจารณ์ระดับกลาง โดยมีคะแนนความนิยมอยู่ที่ 68% จากการรวบรวมทั้งหมด จากบนเว็บจัดอันดับคะแนน ที่สะท้อนให้เห็นว่าผลงานนี้ ได้รับการมองว่าเป็นเกมที่พอใช้ได้ มากกว่าจะเป็นเกมยอดเยี่ยม ซึ่งงานภาพใหม่ ถูกชื่นชมอย่างกว้างขวาง ว่าเป็นจุดเด่นที่สุดของเกม
แต่ระบบดันเจี้ยนที่ยังคงความซ้ำซาก เหมือนต้นฉบับนั้น ถูกมองว่าเป็นข้อจำกัดที่การรีเมคครั้งนี้ ยังแก้ไม่ถึงที่ควรปรับปรุง นักวิจารณ์หลายสำนัก จึงมองว่าแม้เกมภาคนี้ จะเป็นเกมรีเมคที่ดูดี แต่ก็ยังเลือกเดินเส้นทางเหมือนเค้าโครงเดิมเกินไป เพราะไม่พลิกโฉมเกมเพลย์ ให้ทันสมัยเท่าที่ควร
ฝั่งผู้เล่นกลับมีทิศทางที่ต่างออกไป แม้ว่าจะมีข้อวิจารณ์เรื่องความซ้ำซาก แต่ผู้เล่นจำนวนมาก กลับชื่นชอบการนำเสนอสไตล์ภาพใหม่ ที่ทำให้เกมดูอบอุ่นขึ้น ส่งผลให้เกมมียอดแตะ 1.99 ล้านชุด ภายในสิ้นปี 2022 ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่แข็งแรง เมื่อเทียบกับเกมรีเมคสปินออฟอื่น ๆ ในแฟรนไชส์เกมโปเกมอน
เกมโปเกมอน ทีมกู้ภัยดีเอ็กซ์ เป็นเกมรีเมคที่ทำหน้าที่ได้ดี ในการพาผู้เล่นกลับไปสู่จุดเริ่มต้น ของซีรีส์ MysteryDungeon อีกครั้ง แต่ยังไม่ใช่เกมที่ยกระดับซีรีส์ ไปสู่รูปแบบใหม่อย่างเต็มตัว ทำให้เกมนี้ ถูกจดจำในฐานะผลงานที่มีความอบอุ่น และซื่อสัตย์ต่อรากฐานเดิม ในยุคเครื่องเล่นเกมนินเท็นโด Switch
ความโดดเด่นที่เด่นชัด ของเกมโปเกมอนภาคนี้ คือการผสานเสน่ห์ดั้งเดิม จากเกมเก่าแก่ในแฟรนไชส์ เข้ากับงานภาพ และระบบที่เหมาะกับผู้เล่นยุคใหม่ อย่างลงตัว งานภาพแบบลายพู่กันของเกม จะช่วยยกระดับอารมณ์ของเรื่องราวให้เข้าถึงง่าย และมอบความอบอุ่นให้กับผู้เล่น ในระหว่างการเล่นเกม
แม้จะมีการอัปเดตระบบให้ทันสมัยขึ้น แต่เกมภาคนี้ ยังคงแบบเกมต้นฉบับเอาไว้มาก จนทำให้ดันเจี้ยนหลายส่วน ยังรู้สึกซ้ำซาก ซึ่งข้อวิจารณ์หลายแห่ง กล่าวถึงข้อจำกัดด้านความหลากหลาย ของแผนที่แบบสุ่ม กับการขาดกลไกเชิงลึก ทำให้เกมนี้ถูกมองว่าเป็นเกมรีเมค ที่เน้นความดั้งเดิมจนเกินไป

