รีวิวโปเกมอน Battle Revolution เกมภาคแรก บนเครื่องเล่น Wii

รีวิวโปเกมอน Battle Revolution

รีวิวโปเกมอน Battle Revolution หลังจากซีรีส์โปเกมอนประสบความสำเร็จ บนเครื่องเล่นเกมพกพามาอย่างต่อเนื่อง การมาถึงของเครื่องเล่นนินเท็นโด Wii ทำให้แฟรนไชส์เกม ต้องหาทางยกระดับตัวเอง สู่จอคอนโซลอย่างเต็มรูปแบบ และเกมภาคที่หยิบมารีวิวนี้ คือคำตอบของความท้าทายนั้น

  • พื้นฐานการสร้างเกม และแนวทางการนำเสนอ
  • ระบบการเล่นเกม และความนิยมหลังเปิดตัว

การสร้างเกม ภาค BattleRevolution บนเครื่องเล่น Wii

รีวิวโปเกมอน Battle Revolution

จุดที่ทำให้เกมโปเกมอน ภาค BattleRevolution ในแฟรนไชส์โปเกมอน ถือกำเนิดขึ้นมา ไม่ได้เป็นเพราะตั้งใจจะสานต่อเนื้อเรื่องโทนเข้มข้น จากเกมภาคก่อน ที่เขียนไปในบทความ รีวิวโปเกมอน XD ดาร์คเนส แต่ต้องการเปิดโลกการผจญภัย ในอีกมุมมองของเกมในซีรีส์ (27 ตุลาคม 2025) [1]

โดยเป็นมุมที่เน้นการแสดงพลัง กราฟิก และความตื่นตาในสนามรบ มากกว่าการดำดิ่งในอารมณ์เรื่องราว และทั้งหมดนี้ คือจุดเริ่มต้นของการปรับทิศทางครั้งใหญ่ ที่ทำให้โปเกมอน กลายเป็นเกมที่สามารถเล่นได้บนจอใหญ่ อย่างเต็มรูปแบบ เป็นครั้งแรก

พื้นหลังการสร้างเกม และความเป็นมาของตัวเกม

หลังจากเกมโปเกมอน ภาคเอ็กซ์ดี ดาร์คเนส กลายเป็นเกมปิดฉากยุคเครื่องเล่น GameCube ในปี 2005 ทีม Genius Sonority ได้รับโจทย์ใหม่ จากบริษัทนินเท็นโด ให้สร้างเกมที่สะท้อนศักยภาพของเครื่อง Nintendo Wii ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในปลายปี 2006 และเกมที่จะออกมาใหม่ (18 กันยายน 2025) [2]

ต้องแสดงพลังกราฟิกของโปเกมอนในแบบที่สดใส สมจริง และเคลื่อนไหวได้เต็มรูปแบบ มากกว่าที่แฟนเกมรุ่นเก่า ๆ เคยเห็นมา การพัฒนาเริ่มต้น ในช่วงปลายปี 2005 ภายใต้แนวคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าโปเกมอนต่อสู้กันราวกับอยู่ในสนามจริง และนั่นคือจุดกำเนิด ของ Pokemon BattleRevolution

ที่ได้กลายมาเป็นเกมภาคแรกของซีรีส์เกม ที่ใช้โมเดล 3D เต็มตัว บนเครื่อง Wii สิ่งที่ทำให้ภาคนี้ มีความสำคัญเชิงระบบ คือการเป็นภาคแรกที่รองรับการเชื่อมต่อ กับเกม Pokemon DiamondPearl บน Nintendo DS ผ่านระบบไร้สาย ซึ่งยุคนั้นถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ไม่มีมาก่อน (20 ตุลาคม 2025) [3]

แนวทางการเล่นที่เกมภาคนี้ ต้องการนำเสนอออกมา

โปเกมอน BattleRevolution ที่เปิดตัวให้เล่นในวันที่ 14 ธันวาคม ปี 2006 ไม่ได้ถูกออกแบบให้เล่าเรื่องเหมือนเกมภาคก่อนหน้า แต่ตั้งใจจะเปลี่ยนเวทีการต่อสู้ ให้กลายเป็นประสบการณ์โชว์พลังภาพ ทีมพัฒนาต้องการให้ผู้เล่น รู้สึกถึงความอลังการของสนามต่อสู้ และแสงสีที่สะท้อนบุคลิก (2025) [4]

อย่างเช่น Neon Colosseum ที่เต็มไปด้วยแสงนีออนในเมืองกลางคืน หรือ Courtyard Colosseum ที่ใช้แสงอาทิตย์ยามเย็น ตัดกับพื้นหินเก่า เสียงเอฟเฟกต์ การเคลื่อนไหวของโปเกมอน และมุมกล้องที่หมุนรอบสนามถูกออกแบบ ให้เหมือนการถ่ายทอดสดการแข่งขัน มากกว่าการเล่นเกม RPG ทั่วไป

ทั้งหมดนี้ คือเหตุผลที่เกมถูกเรียกว่าภาคแห่งการแสดง มากกว่าภาคแห่งการผจญภัย แนวทางของเกมจึงเปลี่ยนจากการเล่าเรื่องโทนเข้มข้น จากเกมภาคก่อนหน้า มาสู่การโชว์เทคนิค และระบบที่เน้นพลังแห่งการต่อสู้ ในเชิงภาพกับอารมณ์แทน

รูปแบบการเล่นเกมภาคนี้ และความนิยมหลังเปิดตัว

รีวิวโปเกมอน Battle Revolution

เมื่อเข้าใจแนวคิดกับเบื้องหลังการพัฒนา ของเกมโปเกมอนภาคนี้กันไปเบื้องต้นแล้ว สิ่งที่จะให้ผู้อ่านทำความเข้าใจต่อมา คือวิธีที่ทีม Genius Sonority นำแนวคิดนั้น มาถ่ายทอดลงในรูปแบบการเล่นจริง ๆ เพราะเกมภาคนี้ ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้เล่นเดินทางสำรวจโลก เหมือนเกมภาคหลัก

แต่เพื่อพาผู้เล่นเข้าสู่สนามประลองที่สมจริงที่สุดในยุคนั้น การออกแบบระบบ การเชื่อมต่อระหว่างเครื่อง และการนำเสนอภาพลักษณ์ ล้วนถูกวางให้เป็นจุดขายหลักของเกม

การเล่นเกม Pokemon แบทเทิลเรโวลูชั่น เบื้องต้น

หัวใจหลักของเกมภาคแบทเทิลเรโวลูชั่น คือการสร้างสนามต่อสู้ยุคใหม่ ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบเทิร์นเบส ในกรอบ 3D เต็มรูปแบบ ผู้เล่นจะได้เห็นโปเกมอนทุกตัว ต่อสู้กันแบบเคลื่อนไหวสมจริง มีเอฟเฟกต์เฉพาะของแต่ละท่า และมุมกล้องที่เปลี่ยนตามจังหวะการโจมตี

กลไกหลักยังคงยึดพื้นฐานของเกมภาคหลัก บนเครื่องเล่นเกม DS เอาไว้ แต่จะเพิ่มระบบ Battle Pass ซึ่งใช้เก็บข้อมูลทีม และอวตารผู้เล่นเข้าไปแทน โดยสามารถปรับแต่งเครื่องแต่งกาย สี และชื่อเล่นได้ตามใจ จุดนี้กลายเป็นเอกลักษณ์ใหม่ที่ทำให้เกม มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ในการแข่งขันแต่ละครั้ง

อีกหนึ่งระบบสำคัญ คือการเชื่อมต่อระหว่าง Nintendo DS กับ Wii ซึ่งอนุญาตให้ผู้เล่นนำโปเกมอน จาก Diamond & Pearl ที่เปิดตัวให้เล่นในปี 2006 นำเข้ามาต่อสู้ได้แบบไร้สาย โดยมีการบันทึกไว้ว่าผู้เล่น จำนวน 45% ของเจ้าของเกมในประเทศญี่ปุ่น ใช้ฟังก์ชันนี้ ภายในปีแรกหลังวางจำหน่ายทันที

ความนิยมของแฟนเกม หลังจากเกมเปิดตัวให้เล่น

เมื่อเกมเปิดตัวในเดือนธันวาคม ปี 2006 ที่ประเทศญี่ปุ่น และกลางปี 2007 ในโซนอเมริกา เกมภาคนี้ได้รับเสียงตอบรับที่หลากหลาย แต่ชัดเจนในทิศทางเดียวกัน อย่างเช่น การพูดถึงว่าเป็นเกมที่มีภาพที่สวย มีระบบเชื่อมต่อยอดเยี่ยม แต่ขาดหัวใจของการผจญภัย

สื่อเกมอย่าง IGN ชื่นชมเอฟเฟกต์และบรรยากาศสนามที่ตระการตา แต่ติติงเรื่องโหมดการเล่นที่มีจำกัด กับขาดแรงจูงใจต่อการเล่น ในระยะยาว แต่อย่างไรก็ตาม ในฝั่งผู้เล่นจริง กลับมีเสียงชื่นชมในฐานะเกมภาคที่ทำให้โปเกมอน ดูมีชีวิตมากที่สุดในยุคนั้น

ซึ่งถือเป็นครั้งแรก ที่การต่อสู้ดูใกล้เคียงกับอนิเมะมากที่สุด ตั้งแต่เริ่มเปิดตัวเกมในซีรีส์โปเกมอนมา กับสิ่งที่น่าสนใจกว่า คือตำแหน่งของเกมภาคนี้ ในความทรงจำของแฟน ๆ เมื่อเวลาผ่านไป กลับกลายเป็นขวัญใจสายแข่งขัน เพราะใช้ระบบต่อสู้จริง มาใช้ทดสอบกลยุทธ์ในสภาพแวดล้อมใหม่

สรุป รีวิวโปเกมอน แบทเทิลเรโวลูชั่น บนเครื่องเล่น Wii

แม้เกมโปเกมอน ภาค BattleRevolution จะไม่ใช่เกมภาคที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็เป็นก้าวสำคัญของวิวัฒนาการ ในประวัติศาสตร์เกมโปเกมอน เพราะเกมนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าซีรีส์เกม สามารถปรับตัวเข้าสู่โลกกราฟิกเต็มรูปแบบได้ โดยไม่สูญเสียเสน่ห์ของการต่อสู้ที่เป็นหัวใจหลัก

จุดเด่นของเกมโปเกมอน ภาคแบทเทิลเรโวลูชั่น คืออะไร?

จุดเด่นเกมภาคแบทเทิลเรโวลูชั่น คือการเป็นเกมที่แสดงศักยภาพของซีรีส์เกม ในมิติภาพ และเทคโนโลยีใหม่ได้ชัดเจนที่สุด ในยุคที่เกมเปิดตัว ด้วยกราฟิก 3D เต็มรูปแบบ เอฟเฟกต์แสงสีสมจริง กับระบบเชื่อมต่อแบบไร้ขอบเขต ที่ให้ผู้เล่นได้เห็นโปเกมอนของตน ต่อสู้บนจอใหญ่ เป็นครั้งแรก

จุดด้อยของเกมโปเกมอน แบทเทิลเรโวลูชั่น คืออะไร?

จุดด้อยของเกมภาคนี้ คือความสวยที่แลกมาด้วยความว่างเปล่า ตัวเกมขาดเนื้อเรื่องหลัก โหมดผจญภัย และแรงจูงใจให้เล่นต่อระยะยาว ทำให้ผู้เล่นบางส่วนรู้สึกเหมือนกำลังดูการต่อสู้ มากกว่ามีส่วนร่วมจริง ๆ ระบบการต่อสู้ แม้จะอลังการ แต่แทบไม่ต่างจากเกมภาค Diamond Pearl มากนัก

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง