รีวิวเกม เบสบอล พ็อกเก็ต ซีรีส์เกมแนววางแผนการรบ ปี 1998

รีวิวเกม เบสบอล พ็อกเก็ต

รีวิวเกม เบสบอล พ็อกเก็ต จากปี 1998 เป็นเกมที่เปลี่ยนการต่อสู้จากจอ Game Boy เล็ก ๆ สู่สนาม 3 มิติเต็มรูปแบบ บนเครื่องเล่น Nintendo 64 นี่คือเกมโปเกมอนภาคที่ท้าทายขีดจำกัด ของเทคโนโลยี และเป็นเกมก้าวแรก ที่ทำให้โปเกมอนดูเหมือนมีชีวิตจริง ในสายตาผู้เล่นทั่วญี่ปุ่น

  • การผลิตเกมโปเกมอน ให้กลายเป็นเกมแนววางแผน
  • จุดเด่นกับจุดอ่อนของเกม ที่ยังคงถูกพูดถึงในปัจจุบัน

การผลิตเกม Pokemon ให้กลายเป็นเกมแนววางแผน

รีวิวเกม เบสบอล พ็อกเก็ต

เมื่อมองย้อนกลับไปในช่วงที่แฟรนไชส์ Pokemon เริ่มขยับจากโลกพกพาสู่เครื่องคอนโซล อย่างเกมที่เปิดตัวในเจเนอเรชันแรก ปี 1996 อย่างเกม รีวิวเกม Pocket เรดแอนด์กรีน ในบทความก่อนหน้านี้ ถึงเกมภาคเลเจนด์สแซดเอ ที่กำลังจะเปิดตัวให้เล่น ในเดือนตุลาคม ปี 2025 นี้ (7 กันยายน 2025) [1]

แต่การนำโปเกมอน มาสู่เวที 3 มิติ กลับเป็นความท้าทายใหม่ที่ต้องใช้เทคนิค และความเข้าใจเชิงอารมณ์ร่วมกับผู้เล่น ให้มีเพิ่มเยอะมากขึ้น การเปิดตัวของเกมภาคนี้ จึงไม่ใช่เพียงการทดลองทางกราฟิกเท่านั้น แต่คือบทพิสูจน์ว่าแฟรนไชส์เกมนี้ สามารถเคลื่อนจากเครื่องเล็ก สู่จอใหญ่ได้เหมือนกัน

การพัฒนาตัวเกมโปเกมอน สนามเบสบอลพ็อกเก็ต

ย้อนกลับไปในยุคที่โปเกมอน ยังเป็นเพียงเกม 2 มิติบนจอเล็ก ๆ ของ Game Boy ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม อย่างการเปิดตัวเกมภาค Red และ Green ทำให้ทางบริษัท Nintendo เห็นศักยภาพบางอย่าง ที่ยังไม่ถูกปลดล็อก เช่นงานภาพของโปเกมอน ที่อยากทำให้ดูมีชีวิตยิ่งกว่าเดิม

และก็เปิดตัว Pokemon Monsters Stadium บน Nintendo 64 ในวันที่ 1 สิงหาคม ปี 1998 เพื่อท้าทายข้อจำกัดนั้น นี่คือเกมภาคแรกที่พัฒนาโดยทีม Nintendo EAD โดยมีเป้าหมายชัดเจน ที่ต้องการทำให้โปเกมอน สามารถเคลื่อนไหว และสามารถต่อสู้จริงได้ บนจอทีวี (2 กันยายน 2025) [2]

ในยุคที่ภาพ 3 มิติกำลังเป็นคลื่นลูกใหม่ของวงการเกมญี่ปุ่น และสิ่งที่ทำให้เกมนี้พิเศษกว่า คือแนวคิดเรื่องการเชื่อมต่อโลกสองใบ ผ่านอุปกรณ์ Transfer Pak ที่ให้ผู้เล่นนำโปเกมอน จากเกมภาคหลัก บน GameBoy เข้ามาต่อสู้ในเวที 3 มิติได้จริง

การเล่นเกมโปเกมอน ภาคสนามเบสบอลพ็อกเก็ต

เมื่อเข้าใจที่มาของเกมแล้ว สิ่งที่ทำให้เกมภาคนี้ แตกต่างอย่างชัดเจน คือวิธีการเล่าการต่อสู้ ในภาษาที่ต่างออกไป จากภาคที่ใช้เล่น บนเครื่องเล่นเกมบอยแบบดั้งเดิม ระบบยังคงเป็นแบบผลัดกันเล่นเป็นตา แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามา คือการแสดงผลของโปเกมอนที่เปลี่ยนไป

โดยสิ่งนี้ จะช่วยให้ภาพของตัวละครในเกมดูเหมือนเคลื่อนไหวได้จริง และแสดงอารมณ์เมื่อแพ้ หรือชนะ ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าตัวละครที่เคยอยู่บนจอขาวดำ กลับมามีชีวิตจริงในภาพ 3 มิติแบบเต็มตัว การได้เห็น Pikachu ก้มตัวหลบ Thunderbolt หรือ Charizard

คือประสบการณ์ใหม่ ที่เปลี่ยนวิธีจินตนาการของภาพตัวละครโปเกมอน ของผู้เล่นทั้งรุ่นเด็ก และรุ่นโตไปทั้งหมด รวมถึงอีกสิ่งที่น่าสังเกตคือเกมภาคนี้ วางโครงสร้างการเล่นไว้ แบบสนามประลองจำลอง มากกว่าการเป็นเกมแนวการผจญภัย เหมือนเดิม

จุดเด่นกับจุดอ่อน ของตัวเกมโปเกมอนภาคนี้ คืออะไร

รีวิวเกม เบสบอล พ็อกเก็ต

เมื่อเห็นภาพรวมของการเล่นโปเกมอน ภาค MonstersStadium พยายามสร้างขึ้นในยุคที่เทคโนโลยี 3 มิติ ยังถือเป็นของใหม่ และผลที่ตามมา คือคำถามสำคัญว่าการทดลองครั้งนั้น ประสบความสำเร็จแค่ไหน เพราะเกมนี้ไม่เพียงต้องสร้างความแตกต่าง จากเกมที่ใช้เล่นบน GameBoy (2025) [3]

แต่ยังต้องพิสูจน์ว่าความสมจริงบนจอใหญ่ สามารถถ่ายทอดอารมณ์ของเหล่าโปเกมอนออกมาได้ดี กว่าภาพ 2 มิติได้มากน้อยแค่ไหน การประเมินสิ่งเหล่านี้ จึงต้องมองทั้งด้านที่เกมทำได้ดี และด้านเสียที่ยังคงเป็นปัญหาติดขัด

จุดเด่นของตัวเกมโปเกมอน ภาคสนามเบสบอลพ็อกเก็ต

สิ่งที่ทำให้เกมโปเกมอน Monsters Stadium มีคุณค่าในประวัติศาสตร์เกมมากกว่าที่เห็น คือการเป็นก้าวแรกที่ทำให้โปเกมอน มีชีวิตในเชิงงานภาพของเกม อย่างแท้จริง ในยุคที่เกมส่วนใหญ่ ยังติดอยู่กับเกมสไตล์แบบ 2 มิติ แต่เกมภาคนี้ กลับนำเสนอโปเกมอน ด้วยโมเดล 3 มิติที่เคลื่อนไหวได้ อย่างมีบุคลิก

และสามารถแสดงอารมณ์ของเหล่ามอนสเตอร์ ในระหว่างต่อสู้ได้เป็นครั้งแรก แม้จะมีเพียง 40 สายพันธุ์ที่ใช้ได้จริง แต่การได้เห็นโปเกมอน อย่าง Pikachu, Charizard หรือ Gengar เคลื่อนไหวต่อหน้าผู้เล่น บนจอทีวี ถือเป็นความมหัศจรรย์ของยุคนั้น รายงานในช่วงเปิดตัวระบุว่ามีผู้เล่นกว่า 72%

เห็นว่าเกมนี้ ทำให้โปเกมอนรู้สึกมีชีวิตมากขึ้น กว่าทุกภาคก่อนหน้า ตัวเลขนี้สะท้อนว่าความสำเร็จของเกม ไม่ได้อยู่ที่จำนวน แต่คือความรู้สึกที่ถูกสร้างขึ้นมา กับอีกจุดเด่นที่ไม่ควรมองข้าม คือการใช้เทคโนโลยี Transfer Pak ซึ่งผู้เล่นสามารถนำโปเกมอน จาก GameBoy เข้ามาใช้ในเกม 3 มิตินี้ได้จริง

จุดอ่อนของเกมโปเกมอน สนามเบสบอลพ็อกเก็ต

เมื่อเข้าใจถึงความสำเร็จเชิงภาพแล้ว สิ่งที่ต้องยอมรับคือเกมภาคนี้ ยังคงมีร่องรอยของข้อจำกัด ทางเทคนิคที่เห็นได้ชัดเจน ในยุคนั้น เกมสามารถรองรับโปเกมอนได้ เพียงบางส่วน จากทั้งหมด 151 ตัว เนื่องจากหน่วยความจำของตลับเกม บนเครื่องเล่นเกม Nintendo 64 มีเพียง 32 MB

ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับการเก็บข้อมูลโมเดล และแอนิเมชันทั้งหมด การจำกัดนี้ทำให้ผู้เล่นบางกลุ่ม รู้สึกว่าประสบการณ์ที่ได้รับมานั้น ไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะแฟนเกมที่อยากเห็นโปเกมอนทุกตัว ในรูปแบบ 3 มิติ รวมถึงในขณะเดียวกัน ระบบเสียงและเอฟเฟกต์การโจมตี ยังค่อนข้างซ้ำ เมื่อเล่นต่อเนื่องนาน ๆ

จนสูญเสียความตื่นเต้นของการต่อสู้ ในระยะยาว อีกด้านที่เป็นปัญหาคือโครงสร้างเกม ที่พึ่งพาอุปกรณ์เสริมมากเกินไป ผู้เล่นที่ไม่มี Transfer Pak หรือมีเกมภาคหลักบน Game Boy จะถูกจำกัดให้ใช้เพียงโปเกมอนเช่า ที่ระบบเตรียมไว้ ซึ่งลดความรู้สึกผูกพันระหว่างผู้เล่น กับโปเกมอนลง อย่างชัดเจน

สรุป รีวิวโปเกมอนแนววางแผน สนามเบสบอลพ็อกเก็ต

เกมโปเกมอน ภาค MonstersStadium ไม่ใช่เกมที่สมบูรณ์ในทุกด้าน แต่เป็นเกมที่จุดกำเนิดของความสมจริง ที่ทำให้แฟรนไชส์เกมโปเกมอน ขยับจากเกม 2 มิติ ไปสู่โลกเกม 3 มิติที่เป็นภาพเคลื่อนไหว การได้เห็นโปเกมอนต่อสู้กันจริง บนภาพ 3D กลายเป็นพื้นฐานให้เกมรุ่นหลัง นำไปพัฒนาต่อ

เกมโปเกมอนสนามเบสบอลพ็อกเก็ต เหมาะกับใคร?

เกมโปเกมอน ภาคสนามเบสบอลพ็อกเก็ต เหมาะกับผู้เล่นที่ต้องการสัมผัสยุคแรก ของความสมจริง ในโลกของเหล่าโปเกมอน มากกว่าการเล่นเพื่อเนื้อเรื่อง ผู้ที่ชื่นชอบการวางกลยุทธ์แบบผลัดกันเล่น และผู้เล่นที่อยากเห็นโปเกมอนที่ตัวเองเลี้ยงมา สามารถเคลื่อนไหวได้จริง ในเครื่องเล่น 3D

เกมโปเกมอน ภาคสนามเบสบอลพ็อกเก็ต ไม่เหมาะกับใคร?

ผู้เล่นที่คาดหวังการผจญภัย หรือสำรวจแบบเกมโปเกมอน รุ่นใหม่ อาจรู้สึกว่าเกมภาคนี้ ขาดความต่อเนื่อง และอิสระของการเล่น เนื่องจากตัวเกมเน้นเฉพาะการต่อสู้ กับไม่มีโหมดเนื้อเรื่องรองรับ ผู้เล่นที่ไม่มีเกมภาคหลัก บนเครื่องเล่นเกมบอย อาจจะพลาดแก่นสำคัญของระบบเชื่อมต่อ ที่ถูกเพิ่มเข้ามาใหม่

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง