
รีวิวมายโปเกมอน แรนช์ หรือเกมฟาร์มโปเกมอน ปี 2008
- Good Day's
- 58 views

รีวิวมายโปเกมอน แรนช์ หลังจากในช่วงเวลาที่เกมโปเกมอน ยังยึดติดอยู่กับสนามต่อสู้ แบบดั้งเดิม เกม MyPokemon Ranch คือหนึ่งในความพยายามแปลกใหม่ ของบริษัท Nintendo ที่เลือกจะไม่มีการแข่งขัน แต่เลือกให้ผู้เล่นได้พักผ่อน จากการสู้รบ เกมนี้ จึงไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อทดสอบฝีมือผู้เล่น

ก่อนจะเข้าใจเสน่ห์ของเกมมายโปเกมอนแรนช์ จากแฟรนไชส์ Pokemon อย่างแท้จริง จำเป็นต้องย้อนกลับไปมองช่วงเวลาที่เกมนี้ถือกำเนิดขึ้นมา เพราะเกมภาคนี้ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อแข่งขัน หรือเปลี่ยนโลกของโปเกมอนไปทั้งหมด แต่เพื่อทดลองแนวคิดใหม่ (29 ตุลาคม 2025) [1]
ในยุคที่ Nintendo ต้องเริ่มเชื่อมโลกเกมพกพา เข้ากับโลกของเกมคอนโซลบ้าน อย่างจริงจัง จุดกำเนิดของเกมนี้ จึงสะท้อนทั้งเทคโนโลยีในช่วงเวลาระหว่างรอยต่อ ของความพยายามของผู้พัฒนา ในการตั้งคำถามใหม่ ว่าถ้าโปเกมอนไม่ต้องต่อสู้ พวกมอนสเตอร์เหล่านี้ จะมีชีวิตอย่างไร
My Pokemon Ranch เปิดตัวบน WiiWare ในวันที่ 25 มีนาคม ปี 2008 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ Nintendo กำลังทดลองแนวคิดเกมขนาดเล็ก บนคอนโซลบ้าน โดยเกมนี้ ถูกพัฒนาโดยสตูดิโอ Ambrella ผู้ที่เคยสร้างผลงานเกม อย่าง Hey You, Pikachu และ Pokemon Channel มาก่อน (20 ตุลาคม 2025) [2]
จุดมุ่งหมายของทีม คือการสร้างพื้นที่ที่ผู้เล่นสามารถพักโปเกมอน ของตนเองได้ ภายนอกโลกของการต่อสู้บนเครื่องเล่นเกม DS ซึ่งในเวลานั้นหมายถึงเกม Pokemon ภาค Diamond และ Pearl จากในบทความ รีวิว Pokemon ไดมอนด์เพิร์ล
การเชื่อมโยงระหว่างเครื่องทั้งสองนี้ ถือเป็นแนวคิดใหม่ ที่ทำให้โปเกมอนในเครื่องพกพามีชีวิตขึ้น ในจอทีวีเป็นครั้งแรก สิ่งที่น่าสนใจคือเกมนี้ ถือเป็นผลผลิตโดยตรงของยุคเปลี่ยนผ่าน จากเกมภาพกราฟิก 2D ไปสู่ 3D แบบเต็มตัว ซึ่งยังไม่เกิดขึ้นในซีรีส์หลัก ในตอนนั้น
เบื้องหลังความเรียบง่าย ของเกมมายโปเกมอน แรนช์ หรือเกมฟาร์มโปเกมอน คือแนวคิดที่พยายามเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่น ต่อการเลี้ยงโปเกมอน จากเดิมที่เน้นการต่อสู้ การเก็บเลเวล หรือการสะสม มาเป็นการเฝ้ามองชีวิตประจำวัน ของพวกเหล่ามอนสเตอร์เหล่านี้ ในพื้นที่เปิดโล่งแทน (2025) [3]
โดยตัวเกมทำหน้าที่คล้ายกระจก ที่สะท้อนความผูกพันระหว่างผู้เล่น กับโปเกมอน ว่าเมื่อไม่มีแรงกดดันจากการแข่งขัน สิ่งที่เหลืออยู่คือความสงบ และความรักในสิ่งที่ตัวเองเลี้ยงดูไว้ การมี Hayley คอยมอบโปเกมอนหายากประจำวัน ก็เหมือนเป็นการสื่อสารว่าการดูแลกัน
ก็สามารถทำให้ได้รับรางวัลต่าง ๆ ได้ ซึ่งเกมไม่ได้ต้องการให้ผู้เล่นรู้สึกตื่นเต้น แต่ต้องการให้รู้สึกอบอุ่น เป็นเหมือนโลกขนาดเล็กที่ใช้พักใจ จากความวุ่นวายในเกมซีรีส์หลัก เพราะว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่นกับโปเกมอนนั้น ไม่จำเป็นต้องมีเป้าหมายทางกลไกเสมอไป

เมื่อเข้าใจแนวคิด กับเจตนาที่ทีมผู้สร้างเกมมายโปเกมอนแรนช์ ต้องการถ่ายทอดออกมาแล้ว สิ่งที่น่าสนใจต่อมา คือวิธีที่พวกผู้พัฒนาเลือกใช้ ในการสื่อสารแนวคิดนั้น ผ่านระบบการเล่น แม้จะเป็นเกมที่ไม่ซับซ้อน แต่ก็กลับสะท้อนภาพชัดเจนถึงยุคหนึ่งของโปเกมอน ที่พยายามแยกตัวออกจากกรอบเดิม
และเปลี่ยนมาเป็นพื้นที่แห่งความผ่อนคลายแทน เมื่อผู้เล่นได้สัมผัสกลไกที่เรียบง่ายนั้นแล้ว เสียงสะท้อนจากแฟนเกม จึงกลายเป็นอีกประเด็นสำคัญที่ควรเข้าใจ เพราะทั้งหมด จะเผยให้เห็นว่าความเรียบง่ายนี้ ถูกตีความแตกต่างกันเพียงใด ระหว่างคนที่มองหาเกม กับคนที่มองหาความทรงจำ
ระบบการเล่นของเกมมายโปเกมอนแรนช์ ถูกออกแบบให้เล่นง่าย จนแทบจะไม่มีคำว่าเกม ในความหมายทั่วไป ผู้เล่นเพียงแค่เชื่อมเครื่อง Nintendo DS ที่มีเกม Pokemon Diamond หรือ Pearl เข้ากับ Wii จากนั้นจึงสามารถย้ายโปเกมอน จากตลับไปยังฟาร์มเสมือน ในเครื่อง Wii ได้ สูงสุดถึง 1,000 ตัว
ภายในฟาร์มเหล่านี้ โปเกมอนจะใช้ชีวิตอย่างอิสระ เช่นการเดิน วิ่ง เต้น หรือโต้ตอบกันเล็กน้อยตามพฤติกรรมเฉพาะตัว ฟังก์ชันหลัก คือการสังเกตและถ่ายภาพ โดยผู้เล่นสามารถหมุนมุมกล้อง ซูม หรือบันทึกโมเมนต์น่ารัก ๆ ไว้ดูภายหลัง เหมือนการดูสารคดีชีวิตสัตว์เลี้ยง ในรูปแบบโปเกมอน
ถึงแม้กลไกจะเรียบง่าย แต่ทีมพัฒนาก็พยายามเพิ่มความรู้สึกเชื่อมต่อ ผ่านตัวละคร Hayley ที่ปรากฏทุกวันพร้อมกิจกรรมใหม่ ๆ เช่นการนำโปเกมอนหายากมาแลก หรือมอบไอเทมเฉพาะให้ผู้เล่น ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ สร้างแรงดึงดูดในระยะสั้น ทำให้ผู้เล่นรู้สึกอยากกลับมาเปิดฟาร์ม ทุกวัน
เมื่อเกมออกจำหน่ายผ่าน Wii Shop Channel ในเดือนมิถุนายน ปี 2008 กระแสตอบรับของเกมภาคนี้ ถูกแบ่งออกเป็น 2 ขั้ว เว็บไซต์รีวิวต่างประเทศอย่าง IGN และ GameSpot ให้คะแนนเฉลี่ยราว 6 เต็ม 10 หรือ 60% ถึง 65% โดยเหตุผลหลัก คือเกมขาดสิ่งที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึก
ว่ากำลังเล่นจริง ๆ แต่ในทางกลับกัน ผู้เล่นกลุ่มที่เติบโตมากับโปเกมอน กลับมองว่าเกมนี้คือพื้นที่พักใจหลังจากการต่อสู้ยาวนาน เพราะเกมเปิดโอกาสให้เห็นโปเกมอน ในมุมที่แตกต่างออกไป โดยการไม่ให้เป็นนักสู้ แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีนิสัย และอารมณ์ของตัวเอง
การที่โปเกมอนสามารถเคลื่อนไหวในพื้นที่ 3D ได้ แม้กราฟิกจะเรียบ ก็ถือเป็นสัญญาณของยุคใหม่ ที่กำลังจะมาถึงในอีก 5 ปีต่อมา หรือในปี 2013 เมื่อ Pokemon ภาค XY เปิดตัวอย่างเป็นทางการ บนเครื่องเล่นเกม 3DS ซึ่งทำให้แฟนเกมจำนวนมาก มองว่าแนวคิดนั้นเริ่มต้นมาจากเกมนี้นี่เอง
เกม MyPokemonRanch อาจไม่ใช่เกมที่สร้างกระแสใหญ่ แต่เป็นผลงานที่มีความหมาย ในเชิงจิตใจ เพราะเกมนี้ พิสูจน์ว่าโลกของโปเกมอน ไม่จำเป็นต้องวัดค่าด้วยการต่อสู้เสมอไป การได้เห็นพวกมันเคลื่อนไหว ในฟาร์มเล็ก ๆ ก็เพียงพอจะปลุกความทรงจำของผู้เล่น ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งได้เหมือนกัน
สิ่งที่ทำให้มายโปเกมอนแรนช์ ต่างจากเกมภาคอื่น ไม่ใช่การเล่น แต่เป็นความตั้งใจจะไม่เป็นเกม ในแบบที่เคยเป็นมาก่อน นี่คือครั้งแรก ที่ผู้เล่นจะได้เห็นโปเกมอนของตนเอง ในโลก 3D แบบอิสระ บนจอทีวี โดยไม่ต้องต่อสู้ หรือฝึกฝนใด ๆ และทำหน้าที่เชื่อมความรู้สึกระหว่างผู้เล่น กับโปเกมอนเข้าด้วยกัน
ความสงบที่เป็นเสน่ห์ของเกมนี้ ก็เป็นจุดอ่อนได้ในเวลาเดียวกัน เพราะเกมแทบไม่มีแรงจูงใจ หรือเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับผู้เล่น เมื่อกิจกรรมภายในฟาร์มเริ่มซ้ำ ความน่าสนใจก็ลดลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ข้อจำกัดของเครื่องเล่นเกม ในยุคนั้น ยังทำให้กราฟิก และการเคลื่อนไหว ยังดูเรียบจนเกินไป

